วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Chocolate lava เมนูหวานวันวาเลนไทน์


Chocolate lava เมนูหวานวันวาเลนไทน์




มาดูรายละเอียดส่วนผสม สำหรับทำ Chocolate lava
1. แป้งสาลีอเนกซ์ประสงค์ ½ ถ้วย
2. ช็อคโกแลตแท่ง 120 กรัม
3. ไข่ไก่ 4 ฟอง
4. น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
5. เนยเค็ม 120 กรัม
6. เนยขาว 2 ช้อนโต๊ะ (เอาไว้ทาพิมพ์)
7. ไอซ์ซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ (เอาไว้โรยตกแต่ง)
8. น้ำตาลทราย 2 ชต. (เอาไว้เคลือบพิมพ์)
9. พิมพ์ฟรอย แบบถ้วยกลม
10. ไอศกรีมวนิลา 1 ลูก (หรือไอศครีมรสที่ชอบ)



วิธีทำ Chocolate lava ต้อนรับวันวาเลนไทน์
ใส่น้ำลงในหม้อ ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นเตรียมอ่างผสมวางลงบนหม้อ 


ใส่ช็อกโกแลตลงไป รอให้ละลาย

ใส่เนยเค็มลงไป ใช้ตระกร้อคนให้ช็อกโกแลตกับเนยละลายให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พักไว้ก่อน จากนี้ เราจะไปผสมในส่วนของแป้งและไข่ไก่กันค่ะ


เทไข่ไก่ลงในชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย ใช้หัวตระกร้อตีไข่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตีไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นเทแป้งลงไปผสม ทีละน้อย ตีจนเข้ากัน



ค่อยๆผสมช็อกโกแลตลงไปผสมในไข่ทีละน้อย ถ้าใส่ไปทีเดียวเลยเดี๋ยวไข่จะสุกค่ะ คนให้เข้ากัน


พักตัวเค้กไว้ก่อน มาเตรียมในส่วนของตัวพิมพ์กัน ใช้เนยขาวทาให้ทั่วพิมพ์ ใส่น้ำตาลทรายลงในพิมพ์ และกลิ้งน้ำตาลทรายให้ทั่วพิมพ์ค่ะ วิธีนี้จะทำให้เราแกะตัวเค้กช็อกโกแลตออกได้ง่ายค่ะ พูดถึงตัวถ้วยพิมพ์นิดนึงค่ะ เราต้องใช้ถ้วยพิมพ์หรือถ้วยฟรอยที่หนาหน่อยนะคะ เพราะถ้าตัวพิมพ์บางไป เราจะไม่ได้เนื้อเค้กที่เป็น Chocolate lava นะคะ

เตรียมเตาอบ ไว้ที่ 200 องศา จากนั้นเทตัวช็อกโกแลตลงไปในพิมพ์ ประมาณ 3 ส่วน 4 ของพิมพ์ อบประมาณ 10 นาที

เราก็จะได้ Chocolate lava ร้อนๆ หอมกรุ่น ตอนแกะออกจากพิมพ์จะร่อนออกมาง่ายมากเพราะเราเตรียมพิมพ์ไว้อย่างดี

เสิร์ฟพร้อมไอศครีมวนิลา โรยไอซ์ซิ่งลงไป จัดใส่จาน ตกแต่งให้สวยงาม

รสชาติของตัว Chocolate lava

             


เนื้อเค้กได้รสช็อกโกแลตเข้มข้น เมื่อเอาช้อนตัดไปที่เนื้อเค้ก ก็จะเห็นตัว Chocolate lava ไหลเยิ้มออกมา น่าทานที่สุด เวลาทานต้องทานกับไอศครีม จะเข้ากันมากๆ ไม่ยากเลยใช่มั้ยค่ะ สำหรับเมนูหวานๆต้อนรับวันวาเลนไทน์แบบนี้ ลองทำให้คนที่เรารักทานสิค่ะ ต้องเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่คนให้และคนรับ ประทับใจไม่ลืมเลยล่ะคร้า





ขอบคุณที่มาจาก:http://www.xn--z3cba4ajcb9ab7t.com/chocolate-lava-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C.html






วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วันตรุษจีน

          

 ตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เพราะชาวจีนถือว่า วันตรุษจีน คือวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ดังนั้นชาวจีนจึงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง และมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีพิธีเฉลิมฉลองแตกต่างกันไป สำหรับปี 2556 นี้ วันตรุษจีนตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์


           สำหรับที่มาของ วันตรุษจีน นั้น เชื่อกันว่าประเพณีนี้มีมานานกว่าสี่พันปีแล้ว จัดขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เดิมที่ไม่ได้เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกต่างกันตามยุคสมัย นั่นคือเมื่อ 2100 ปีก่อนคริสตศักราชจะเรียกว่า "ซุ่ย" ซึ่งมีความหมายถึงการโคจรครบหนึ่งรอบของดาวจูปิเตอร์ จนกระทั่งต่อมาในยุค 1000 กว่าปีก่อนคริสตศักราช เทศกาลตรุษจีนจะถูกเรียกว่า "เหนียน" หมายถึงการเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
          
           นอกจากนี้ วันตรุษจีน ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันชุงเจ๋" ซึ่งหมายถึงเทศกาลดูใบไม้ผลิ หรือขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ เพราะช่วงก่อนตรุษจีนนั้นตรงกับฤดูหนาว ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศเหมาะสมแก่การเพาะปลูก ชาวจีนจึงสามารถทำนา ทำสวน ได้อีกครั้งหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวมานั่นเอง

            ส่วนการกำหนด วันตรุษจีน นั้น ตามประเพณีเทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีน และถือว่าคืนวันที่ 30 เดือน 12 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ส่วนวันที่ 1 เดือน 1 คือวันชิวอิก หมายถึงวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ

           การเตรียมงานเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน วันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) โดยผู้คนจะเริ่มซื้อข้าวของต่างๆ เพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือน และเตรียมทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่าง เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะเป็นการปัดกวาดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ภายในบ้าน ทั้งประตู หน้าต่าง จะประดับประดาไปด้วยสีแดง และกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรให้อายุยืน ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข ฯลฯ

          จากนั้นครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารที่ล้วนแต่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น เช่น กุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งความโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาหร่าย จะนำความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับ วันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

          นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันตรุษจีน คือ "อั่งเปา" ซึ่งมีความหมายว่า "กระเป๋าแดง" หรือจะใช้คำว่า "แต๊ะเอีย" ซึ่งมีความหมายว่า "ผูกเอว" จากที่คนสมัยก่อนชอบร้อยเงินเป็นพวงผูกไว้ที่เอว โดยการให้อั่งเปานี้ คู่แต่งงานจะให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว จะออกมาจากบ้านเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ในหมู่ญาติ และด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป)

ขอบคุณที่มาจาก กระปุกดอทคอม

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2013


เคล็ด(ไม่)ลับในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2013

       เกร็ดความรู้ขั้นพื้นฐานสำหรับคนรักน้องหมา ที่สามารถดูแลน้องหมาได้ด้วยตัวเอง และทำให้น้องหมาของคุณสุขภาพดีไปตลอดทังปี

ดูแลดวงตาของน้องหมาสุดรัก

     "ดวงตา" เป็นหน้าต่างของหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับน้องหมาที่ไม่สามารถสื่อสารกับเราผ่านการพูดคุยได้ ดังนั้นการสื่อสารผ่านภาษากายจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เจ้าของสามารถเข้าใจความรู้สึกของน้องหมาได้เป็นอย่างดี น้องหมาบางตัวสื่อสารกับผู้เลี้ยงผ่านทางสายตาส่งผ่านความรู้สึก และบ่งบอกถึงความต้องการต่างๆ ...

     ดวงตาถือว่าเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของน้องหมา โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์หน้าสั้นที่มีดวงตาโต โปน ใหญ่ กว่าน้องหมาพันธุ์ทั่วไป เช่น น้องหมาชิวาวา , น้องหมาชิสุ , น้องหมาปั๊ก ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้วจะพบว่ามีปัญหาในเรื่องดวงตาค่อนข้างบ่อยเช่น ภาวะลูกตาทะลัก , รอขูดขีดต่างๆ บริเวณกระจกตา ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องอาศัยการดูและเป็นพิเศษ นอกจากนี้ในน้องหมาบางสายพันธุ์ เช่น น้องหมาพุดเดิ้ล , น้องหมาโกลเด้นท์ ฯลฯ ยังพบว่ามักมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณหนังตา มีอาการหนังตาพับทำให้ขนตาทิ่มแทงเข้าไปข้างในดวงตาทำให้ดวงตาอักเสบได้

     ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้เอง ทำให้การดูแลดวงตาให้น้องหมาเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทุกคนควรให้ความสำคัญ น้องหมาที่มีสุขภาพดี ไม่ควรจะมีขี้ตาเกรอะกรัง หรือมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา วิธีการดูแลดวงตาน้องหมาแบบง่ายๆ ที่ผู้เลี้ยงควรจะทำทุกครั้งหลังอาบน้ำให้น้องหมาก็คือ ให้ใช้สำลีปั้นก้อนชุบน้ำหมาดๆ เช็ดรอบๆ ขอบตาเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำตารอบดวงตา โดยมุมขอบตาให้ลากลงมาตามแนวจมูกไม่ให้ขี้ตาเข้าไปในดวงตาขณะทำความสะอาด โคนตาให้ลากออกไปที่หางตา ระวังไม่ให้เศษขนหลุดเข้าไปในดวงตาที่จะทำให้เคืองตาหรืออักเสบได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องคอยสังเกตอย่างสม่ำเสมอว่าบริเวณดวงตาของน้องหมามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีขี้ตาเยอะขึ้น หรือ ร่องน้ำตามีสีน้ำตาลเข้ม หรือไม่ ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีค่ะ

ดูแลช่องหูน้องหมาเพื่อสุขภาพที่ดี

"ช่องหู" ก็เป็นอีกส่วนของร่างกายน้องหมาที่ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญในการดูแลเป็นพิเศษ ... สำหรับน้องหมาที่มีขนปานกลาง - ขนยาว นอกจากการอาบน้ำและตัดขนให้สุนัขแล้ว "การถอนขนในช่องหู" ถือว่ามีความสำคัญมากในการทำความสะอาด เนื่องจากบริเวณหูของน้องหมาจะมีขนขึ้น และถ้าหากไม่ถอนและทำความสะอาดโดยการเช็ดแล้ว ขนบริเวณหูจะเป็นแหล่งสะสมเห็บหมัดและเชื้อโรคเป็นอย่างดีเลยทีเดียว และที่สำคัญหากปล่อยไว้เรื่อยๆ โดยไม่ดูแลน้องหมาก็อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคช่องหูอักเสบได้อีกด้วย

     ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคช่องหูอักเสบ หลังอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาทุกครั้ง ผู้เลี้ยงควรหมั่นทำความสะอาดหูให้น้องหมา ซึ่งมีวิธีการทำความสะอาดง่ายๆ คือ โดย ...

     1. หลังจากอาบน้ำให้เช็ดหูน้องหมาให้หมาด แล้วเปิดใบหูขึ้นและให้แหนบดึงของภายในช่องหูออกให้มากที่สุดเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ... จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนของการเช็ดหูน้องหมา หูของเขาจะมีลักษณะเป็นรูปตัว "L"มากกว่าหูของคน ดังนั้นขี้หูหรือเศษเนื้อเยื่อต่างๆ จึงมักจะไปสะสมอยู่ที่บริเวณมุมของตัว "L" ค่ะ ถ้าหากพบว่ามีเศษขี้หูติดอยู่มาก ให้ทำความสะอาดโดยการใส่น้ำยาสำหรับทำความสะอาดหูน้องหมา (แนะนำให้ปรึกษาสัตว์แพทย์นะคะ อย่าซื้อเอง) หยดลงไปในช่องหู ซึ่งน้ำยาล้างหูที่ดีควรมีกรดอ่อนๆ
    2. เมื่อหยดน้ำยาแล้วใช้นำก้านไม้พันด้วยสำลี หรือคัตตัลบัต ในการทำความสะอาดช่องหูทั้งด้านในและด้านนอก (นำก้านไม้พันสำลีหรือคัตตัลบัตไปชุบน้ำยาทำความสะอาดช่องหูให้ชุ่มก่อนนะคะ) โดยในการเช็ดห้ามใช้วิธีการแทง ทิ่ม หรือกระแทก เด็ดขาด (ก่อนการเช็ดควรนวดบริเวณโคนหูให้น้องหมาก่อนซัก 30 วินาที เพื่อให้เศษเนื้อเยื่อภายในหูอ่อนนุ่มและหลุดออกมา จะได้ง่ายต่อการทำความสะอาดยังไงล่ะคะ)
   3. เช็ดให้ทั่วจนพบว่าไม่มีเศษขี้หูหลงเหลืออยู่ในช่องหูแล้ว

     แต่ในการทำความสะอาดหูให้น้องหมาก็มีสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวัง ก็คือ เวลาเช็ดไม่ควรแหย่ก้านสำลี หรือคัตตัลบัตลึกเข้าไปในหูมากนักเพราะจะยิ่งทำให้เศษขี้หูไปอัดแน่นอยู่ในรูหู ให้ใช้วิธีการเขี่ยออกมาดีกว่า ... และหลังจากทำความสะอาดหูแล้ว ให้เพื่อนปล่อยน้องหมาสั่นหรือสะบัดหัวและปล่อยให้หูแห้งได้ตามปกติค่ะ



ดูแลช่องปากของน้องหมาอย่างถูกวิธี

     "ช่องปาก" ของน้องหมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่สามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพของน้องหมา ... ถ้าหากน้องหมาของเพื่อนๆ มีกลิ่นปากเหม็นหรือมีเลือดออกที่เหงือกบ่อยๆ ล่ะก็ ทราบไว้เลยนะคะว่า นั่นคืออาการเริ่มต้นของโรคปริทันต์ค่ะ

     หลายคนอาจจะสงสัยว่าโรคปริทันต์ คืออะไร ... โรคปริทันต์เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวฟัน , เนื้อเยื่อของเหงือก , เอ็นที่ยึดเหงือกและฟัน , โพรงรากฟัน และเนื้อเยื้อคล้ายกระดูกที่คลุมรากฟันเพื่อช่วยยึดเกาะรากฟัน เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในน้องหมา  สาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่สร้างพลากค์เคลือบฟัน โรคปริทันต์เป็นสาเหตุในการสูญเสียฟัน ส่วนใหญ่แล้วจะพบในน้องหมาทุกวัยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปและพบมากถึง 80 – 90%  ของสุนัข ทั้งนี้ มีโรคหลายๆ โรคที่ทำให้มีอาการคล้ายโรคปริทนต์

     อาการของโรคปริทันต์ในสุนัข คือ ปากเหม็น , มีเลือดออกที่เหงือก , ฟันร่วง , มีแผลในปาก , ฟันโยก , เหงือกร่น , เบื่ออาหาร

     สาเหตุของโรคปริทันต์เริ่มจากการมีเศษอาหารตามซอกฟัน ทำให้มีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและแคลเซียมที่บริเวณฟันจนเกิดเป็นหินน้ำลาย และจากหินน้ำลายหากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีแล้วนั้นนานวันเข้าหินน้ำลายจะเกิดการก่อตัวเป็นหินปูน เกาะตามฟันซี่ต่างๆ เมื่อเชื้อแบคทีเรียมากขึ้นจะส่งผลให้เนื้อเยื่อปริทันต์อักเสบ เกิดการทำลายเยื่อบุผิวฟันและเนื้อเยื่อรอบฟัน มีการอักเสบของเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก รวมทั้งทำให้เกิดการสลายของกระดูกเบ้าฟันที่ยึดฟันอยู่ ในน้องหมาที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์รุนแรงทำให้กรามหัก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้ติดเชื้อในระบบอื่นของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ และไต มีอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงสารที่เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้สร้างออกมาด้วย ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าปัญหากลิ่นปากเพียงเล็กน้อยที่ผู้เลี้ยงละเลยอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่กระทบต่อสุขภาพโดยรวมของน้องหมาก็เป็นได้ ...
     ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคปริทันต์ในน้องหมา ผู้เลี้ยงจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในช่องปากของน้องหมาด้วย โดยการทำความสะอาดฟันโดยแปรงฟันให้น้องหมาทุกวันด้วยโดยแปรงและยาสีฟันที่ใช้จะต้องเป็นผลิตภัณณ์เฉพาะใช้กับน้องหมา นอกจากนี้ในการดูแลสุขภาพฟันของน้องหมาอาหารที่ใช้ในการดูแลช่องปากบางชนิดช่วยได้เหมือนกัน เช่น อาหารเม็ดที่มีคุณสมบัติช่วยขัดหินปูนที่เกาะตามฟันสุนัข หรืออาจะเป็นยาสีฟันจะช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ควรพาสุนัขไปให้สัตวแพทย์ตรวจสุขภาพฟันทุก  3 – 6  เดือนด้วยค่ะ

     สำหรับผู้เลี้ยงน้องหมา นอกจากความรักที่ผู้เลี้ยงพี่ให้พวกเขาแล้ว น้องหมาก็ยังต้องการการใส่ใจในการดูแลเรื่องของสุขภาพด้วย เพราะพวกเขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มีแต่เจ้าของเท่านั้นที่จะต้องทำหน้าที่คอยหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ รวมไปถึงดูแลพวกเขาอย่างถูกวิธี การดูแลน้องหมาอย่างถูกต้องตั้งแต่เขายังเด็กๆ จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่จะทำให้น้องหมาห่างไกลจากอาการผิดปกติและโรคร้ายต่างๆ ได้ค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก http://www.dogilike.com

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

จัดปาร์ตี้ให้เจ้าของสนุกและปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง


     จัดปาร์ตี้ให้เจ้าของสนุกและปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง
เอาใจคนรักสัตว์เลี้ยง สำหรับงานปาร์ตี้ที่เจ้าของงานที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ในบ้าน ด้วยวิธีการจัดงานที่เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยไม่ต้องกังวลว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะทำลายงานปาร์ตี้ 


 1. หลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้และพืชต่าง ๆ 

            ส่วนมากแล้วผู้คนมักจะนิยมนำพืชพรรณต่าง ๆ มาประดับตกแต่งภายในงาน เพื่อสร้างบรรยากาศให้สดชื่น และเป็นสีสันให้กับงาน โดยเฉพาะเหล่าดอกไม้นานาพรรณที่นำมาใช้ อย่างเช่น ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ เป็นต้น ทั้งนี้กลิ่นและเกสรของดอกไม้อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควร หลีกเลี่ยงพืชพรรณเหล่านี้ เปลี่ยนไปใช้ผลไม้สด หรือขนมหวานสีสวย ๆ แทน
 

 2. หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่มีควัน 

            อย่างเช่น ธูปหอม เทียนหอม หรือพลุต่าง ๆ โดยเฉพาะบ้านที่มีนกเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะควันเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อระบบการหายใจของนกมากทีเดียว นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณจุดเทียนหรือใช้อุปกรณ์ที่มีประกายไฟ หรือเกิดเปลวไฟ อาจโดนสัตว์เลี้ยงตะปบ หรือหางแกว่งตกลงมาทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นหากคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรวางไว้ในที่สูง หรือสวมกรอบครอบไฟไว้ด้วย
 

 3. ติดของตกแต่งให้แน่น 

            ของตกแต่งต่าง ๆ ที่คุณนำมาประดับไม่ว่าจะเป็น ต้นคริสต์มาส ลูกบอลพลาสติก หรือตุ๊กตาต่าง ๆ ควรติดไว้ที่สูง และติดให้แน่นสนิท เพราะไม่อย่างนั้นของตกแต่งของอาจเข้าไปอยู่ในปากของสัตว์เลี้ยงแทน โดยเฉพาะสิ่งของที่มีความแวววาว หรือมีเกร็ดระยิบระยับ จะดึงดูดความสนใจของสัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษเลย ดังนั้นหากเป็นไปได้ภายในงานควรเตรียมขนมเอาไว้ดึงดูดความสนใจของพวกมันด้วย
 

 
 4. เก็บอุปกรณ์อันตรายให้มิดชิด  

            สำหรับอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ อุปกรณ์ที่มีสายไฟ หรือน้ำยาต่าง ๆ อย่างเช่น สี สเปรย์ ที่คุณนำมาใช้ควรเก็บให้มิดชิด หรือวางไว้ในที่สูง เพราะหากสัตว์เลี้ยงของคุณกัด กิน หรือกลืนอุปกรณ์เหล่านี้เข้าไป สารเคมีต่าง ๆ และกรดที่ใช้เป็นส่วนประกอบจะทำลายเนื้อเยื่อในช่องปาก และสร้างความเสียหายให้กับระบบทางเดินอาหาร
 

 5. เตรียมพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง 

            สัตว์เลี้ยงของคุณอาจจะไม่คุ้นเคยกับแขกที่คุณเชิญมา ดังนั้นสัตว์เลี้ยงอาจทำให้เกิดอาการตื่นตระหนก ตกใจ และหวาดกลัวคนแปลกหน้า ดังนั้นหากสัตว์เลี้ยงไม่คุ้นชินกับคนสักเท่าไหร่ ควรจัดเตรียมพื้นที่หรือห้องเงียบ ๆ สงบ ๆ ไว้สำหรับพวกมันด้วย ที่สำคัญระหว่างงานอย่าลืมวางอาหาร น้ำ และเข้ามาดูแลพวกมันเป็นระยะด้วยนะคะ
 
 6. ไม่ควรป้อนอาหารคนให้กับสัตว์เลี้ยง 

            เพราะในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยอาหารและขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ มากมาย และบางคนอาจะเตรียมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไว้ต้อนรับแขกด้วย ซึ่งคุณไม่ควรใจอ่อนนำอาหารเหล่านั้นไปป้อนสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของหัวหอม ช็อกโกแลต ถั่ว แป้ง อาหารทอด หรืออาหารที่มีไขมันสูง รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงอย่างมาก อาจถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ทางที่ดีป้อนขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงดีที่สุดแล้ว
 

            นอกจากจะช่วยให้ปาร์ตี้ของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังช่วยจัดการกับสัตว์เลี้ยงแสนซนได้ด้วย อีกทั้งเป็นการรักษาสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยงไปในตัว มีคำแนะนำดี ๆ แบบนี้แล้วอย่าลืมนำไปใช้กันด้วย และขอให้งานเลี้ยงของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น และสนุกสนานไปพร้อม ๆ กันทั้งงานเลยนะคะ

ขอบคุณที่มาจาก http://pet.kapook.com/

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

สวัสดีวันปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๖


   สวัสดีวันปีใหม่พา               ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม         ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า             ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปราณี        ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ทุกวัน   ทุกคืน ชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่               ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ                   ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์       สวัสดีวันปีใหม่เทอญ

            สวัสดีปีใหม่ค่ะ ปี ๒๕๕๖ หลายคนคงได้ยินตามสถานที่ต่างๆ แดเพลงเกี่ยวกับปีใหม่ วันนี้เลยจะมาเล่าถึงประวัติของเพลงปีใหม่ให้ได้ทราบกัน เพลงที่จะพูดถึงวันนี้คือเพลงพรปีใหม่หลายคนคงอยากทราบกันแล้วว่าเพลงนี้มีที่มาอย่างไร
                
                เพลงพรปีใหม่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๓ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เมื่อเสด็จนิวัตพระนครและประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่ แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง "พรปีใหม่" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี ๒ วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕
ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88



ในวันที่ 1 มกราคมของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ในช่วงนี้จะมีการจัดงานรื่นเริงเรามักจะได้ยินเสียงเพลงปีใหม่อยู่ทั่วไป ซึ่งประวัติของเพลงปีใหม่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนโดยเพลงปีใหม่เกิดขึ้นครั้งแรก ประมาณปี พ.ศ. 2477 - 2479 คือ เพลงเถลิงศก ของขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เป็นเพลงที่มีเนื้อร้อง ทำนอง รวมทั้งขับร้องและบรรเลงตามอย่างสากล ถูกแต่งขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัยนั้นได้มีการให้จัดงานรื่นเริงปีใหม่ ในวันที่ 1 เมษายน มีตัวอย่างเนื้อร้อง ดังนี้ .......ยิ้มเถิด ยิ้มเถิดนะยิ้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส สุขสราญบานใจ ขอให้สวัสดี

พอมาถึงในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้สั่งการดำเนินการหลายอย่าง  เพื่อสร้างชาติ และสร้างวัฒนธรรมเมืองแบบใหม่ เช่น เปลี่ยนชื่อ ประเทศสยาม มาเป็นประเทศไทย การเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นต้น เพื่อสร้างวัฒนธรรม และแนวทางปฏิบัติของประชาชนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งในภารกิจทั้งหลายที่รัฐบาลสมัยนั้นทำ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม เพื่อจะได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ และสิ่งที่สำคัญที่ใช้ในการเผยแพร่นโยบายของรัฐบาล คือ เสียงเพลง

                เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม เพลงเถลิงศก ก็ไม่ได้รับความนิยม เพราะมีเนื้อร้องไม่ทันสมัย ไม่เข้ากับเหตุการณ์  ดังเนื้อเพลงที่ว่า ......วันที่หนึ่งเมษายน ตั้งต้นปีใหม่ และแสงตะวันพร่างพรายใสสว่างแจ่มจ้า...... หน่วยงานของรัฐมีอยู่สองหน่วยงาน คือ กรมศิลปากร และกรมโฆษณาการ จึงช่วยกันผลิตงานเพลงสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรมโฆษณาการ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมประชาสัมพันธ์ที่โด่งดังควบคู่กับชื่อวงสุนทราภรณ์

                วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ หรือวงสุนทราภรณ์ เป็นเจ้าตำรับเพลงปีใหม่ของไทย เพลงที่แต่งขึ้นในแต่ละปีได้ถูกนำมารวมเป็นแผ่นเสียงลองเพลย์ได้ครบหนึ่งแผ่น (ประมาณ 12 เพลง) และทุกเพลงได้รับความนิยมจากประชาชนมาก โดยเฉพาะเพลงสวัสดีปีใหม่ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยจนถึงทุกวันนี้
แหล่งที่มาของข้อมูล คอลัมน์วาไรตี้  ของ นสพ. เดลินิวส์ ฉบับวันจันทร์ที่  30  ธันวาคม  พ.ศ. 2545 หน้า  5 
             ที่มา:http://www.gotoknow.org/posts/232272