วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2013


เคล็ด(ไม่)ลับในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2013

       เกร็ดความรู้ขั้นพื้นฐานสำหรับคนรักน้องหมา ที่สามารถดูแลน้องหมาได้ด้วยตัวเอง และทำให้น้องหมาของคุณสุขภาพดีไปตลอดทังปี

ดูแลดวงตาของน้องหมาสุดรัก

     "ดวงตา" เป็นหน้าต่างของหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับน้องหมาที่ไม่สามารถสื่อสารกับเราผ่านการพูดคุยได้ ดังนั้นการสื่อสารผ่านภาษากายจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เจ้าของสามารถเข้าใจความรู้สึกของน้องหมาได้เป็นอย่างดี น้องหมาบางตัวสื่อสารกับผู้เลี้ยงผ่านทางสายตาส่งผ่านความรู้สึก และบ่งบอกถึงความต้องการต่างๆ ...

     ดวงตาถือว่าเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของน้องหมา โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์หน้าสั้นที่มีดวงตาโต โปน ใหญ่ กว่าน้องหมาพันธุ์ทั่วไป เช่น น้องหมาชิวาวา , น้องหมาชิสุ , น้องหมาปั๊ก ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้วจะพบว่ามีปัญหาในเรื่องดวงตาค่อนข้างบ่อยเช่น ภาวะลูกตาทะลัก , รอขูดขีดต่างๆ บริเวณกระจกตา ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องอาศัยการดูและเป็นพิเศษ นอกจากนี้ในน้องหมาบางสายพันธุ์ เช่น น้องหมาพุดเดิ้ล , น้องหมาโกลเด้นท์ ฯลฯ ยังพบว่ามักมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณหนังตา มีอาการหนังตาพับทำให้ขนตาทิ่มแทงเข้าไปข้างในดวงตาทำให้ดวงตาอักเสบได้

     ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้เอง ทำให้การดูแลดวงตาให้น้องหมาเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทุกคนควรให้ความสำคัญ น้องหมาที่มีสุขภาพดี ไม่ควรจะมีขี้ตาเกรอะกรัง หรือมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา วิธีการดูแลดวงตาน้องหมาแบบง่ายๆ ที่ผู้เลี้ยงควรจะทำทุกครั้งหลังอาบน้ำให้น้องหมาก็คือ ให้ใช้สำลีปั้นก้อนชุบน้ำหมาดๆ เช็ดรอบๆ ขอบตาเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำตารอบดวงตา โดยมุมขอบตาให้ลากลงมาตามแนวจมูกไม่ให้ขี้ตาเข้าไปในดวงตาขณะทำความสะอาด โคนตาให้ลากออกไปที่หางตา ระวังไม่ให้เศษขนหลุดเข้าไปในดวงตาที่จะทำให้เคืองตาหรืออักเสบได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องคอยสังเกตอย่างสม่ำเสมอว่าบริเวณดวงตาของน้องหมามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีขี้ตาเยอะขึ้น หรือ ร่องน้ำตามีสีน้ำตาลเข้ม หรือไม่ ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีค่ะ

ดูแลช่องหูน้องหมาเพื่อสุขภาพที่ดี

"ช่องหู" ก็เป็นอีกส่วนของร่างกายน้องหมาที่ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญในการดูแลเป็นพิเศษ ... สำหรับน้องหมาที่มีขนปานกลาง - ขนยาว นอกจากการอาบน้ำและตัดขนให้สุนัขแล้ว "การถอนขนในช่องหู" ถือว่ามีความสำคัญมากในการทำความสะอาด เนื่องจากบริเวณหูของน้องหมาจะมีขนขึ้น และถ้าหากไม่ถอนและทำความสะอาดโดยการเช็ดแล้ว ขนบริเวณหูจะเป็นแหล่งสะสมเห็บหมัดและเชื้อโรคเป็นอย่างดีเลยทีเดียว และที่สำคัญหากปล่อยไว้เรื่อยๆ โดยไม่ดูแลน้องหมาก็อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคช่องหูอักเสบได้อีกด้วย

     ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคช่องหูอักเสบ หลังอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาทุกครั้ง ผู้เลี้ยงควรหมั่นทำความสะอาดหูให้น้องหมา ซึ่งมีวิธีการทำความสะอาดง่ายๆ คือ โดย ...

     1. หลังจากอาบน้ำให้เช็ดหูน้องหมาให้หมาด แล้วเปิดใบหูขึ้นและให้แหนบดึงของภายในช่องหูออกให้มากที่สุดเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ... จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนของการเช็ดหูน้องหมา หูของเขาจะมีลักษณะเป็นรูปตัว "L"มากกว่าหูของคน ดังนั้นขี้หูหรือเศษเนื้อเยื่อต่างๆ จึงมักจะไปสะสมอยู่ที่บริเวณมุมของตัว "L" ค่ะ ถ้าหากพบว่ามีเศษขี้หูติดอยู่มาก ให้ทำความสะอาดโดยการใส่น้ำยาสำหรับทำความสะอาดหูน้องหมา (แนะนำให้ปรึกษาสัตว์แพทย์นะคะ อย่าซื้อเอง) หยดลงไปในช่องหู ซึ่งน้ำยาล้างหูที่ดีควรมีกรดอ่อนๆ
    2. เมื่อหยดน้ำยาแล้วใช้นำก้านไม้พันด้วยสำลี หรือคัตตัลบัต ในการทำความสะอาดช่องหูทั้งด้านในและด้านนอก (นำก้านไม้พันสำลีหรือคัตตัลบัตไปชุบน้ำยาทำความสะอาดช่องหูให้ชุ่มก่อนนะคะ) โดยในการเช็ดห้ามใช้วิธีการแทง ทิ่ม หรือกระแทก เด็ดขาด (ก่อนการเช็ดควรนวดบริเวณโคนหูให้น้องหมาก่อนซัก 30 วินาที เพื่อให้เศษเนื้อเยื่อภายในหูอ่อนนุ่มและหลุดออกมา จะได้ง่ายต่อการทำความสะอาดยังไงล่ะคะ)
   3. เช็ดให้ทั่วจนพบว่าไม่มีเศษขี้หูหลงเหลืออยู่ในช่องหูแล้ว

     แต่ในการทำความสะอาดหูให้น้องหมาก็มีสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวัง ก็คือ เวลาเช็ดไม่ควรแหย่ก้านสำลี หรือคัตตัลบัตลึกเข้าไปในหูมากนักเพราะจะยิ่งทำให้เศษขี้หูไปอัดแน่นอยู่ในรูหู ให้ใช้วิธีการเขี่ยออกมาดีกว่า ... และหลังจากทำความสะอาดหูแล้ว ให้เพื่อนปล่อยน้องหมาสั่นหรือสะบัดหัวและปล่อยให้หูแห้งได้ตามปกติค่ะ



ดูแลช่องปากของน้องหมาอย่างถูกวิธี

     "ช่องปาก" ของน้องหมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่สามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพของน้องหมา ... ถ้าหากน้องหมาของเพื่อนๆ มีกลิ่นปากเหม็นหรือมีเลือดออกที่เหงือกบ่อยๆ ล่ะก็ ทราบไว้เลยนะคะว่า นั่นคืออาการเริ่มต้นของโรคปริทันต์ค่ะ

     หลายคนอาจจะสงสัยว่าโรคปริทันต์ คืออะไร ... โรคปริทันต์เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวฟัน , เนื้อเยื่อของเหงือก , เอ็นที่ยึดเหงือกและฟัน , โพรงรากฟัน และเนื้อเยื้อคล้ายกระดูกที่คลุมรากฟันเพื่อช่วยยึดเกาะรากฟัน เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในน้องหมา  สาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่สร้างพลากค์เคลือบฟัน โรคปริทันต์เป็นสาเหตุในการสูญเสียฟัน ส่วนใหญ่แล้วจะพบในน้องหมาทุกวัยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปและพบมากถึง 80 – 90%  ของสุนัข ทั้งนี้ มีโรคหลายๆ โรคที่ทำให้มีอาการคล้ายโรคปริทนต์

     อาการของโรคปริทันต์ในสุนัข คือ ปากเหม็น , มีเลือดออกที่เหงือก , ฟันร่วง , มีแผลในปาก , ฟันโยก , เหงือกร่น , เบื่ออาหาร

     สาเหตุของโรคปริทันต์เริ่มจากการมีเศษอาหารตามซอกฟัน ทำให้มีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและแคลเซียมที่บริเวณฟันจนเกิดเป็นหินน้ำลาย และจากหินน้ำลายหากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีแล้วนั้นนานวันเข้าหินน้ำลายจะเกิดการก่อตัวเป็นหินปูน เกาะตามฟันซี่ต่างๆ เมื่อเชื้อแบคทีเรียมากขึ้นจะส่งผลให้เนื้อเยื่อปริทันต์อักเสบ เกิดการทำลายเยื่อบุผิวฟันและเนื้อเยื่อรอบฟัน มีการอักเสบของเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก รวมทั้งทำให้เกิดการสลายของกระดูกเบ้าฟันที่ยึดฟันอยู่ ในน้องหมาที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์รุนแรงทำให้กรามหัก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้ติดเชื้อในระบบอื่นของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ และไต มีอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงสารที่เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้สร้างออกมาด้วย ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าปัญหากลิ่นปากเพียงเล็กน้อยที่ผู้เลี้ยงละเลยอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่กระทบต่อสุขภาพโดยรวมของน้องหมาก็เป็นได้ ...
     ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคปริทันต์ในน้องหมา ผู้เลี้ยงจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในช่องปากของน้องหมาด้วย โดยการทำความสะอาดฟันโดยแปรงฟันให้น้องหมาทุกวันด้วยโดยแปรงและยาสีฟันที่ใช้จะต้องเป็นผลิตภัณณ์เฉพาะใช้กับน้องหมา นอกจากนี้ในการดูแลสุขภาพฟันของน้องหมาอาหารที่ใช้ในการดูแลช่องปากบางชนิดช่วยได้เหมือนกัน เช่น อาหารเม็ดที่มีคุณสมบัติช่วยขัดหินปูนที่เกาะตามฟันสุนัข หรืออาจะเป็นยาสีฟันจะช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ควรพาสุนัขไปให้สัตวแพทย์ตรวจสุขภาพฟันทุก  3 – 6  เดือนด้วยค่ะ

     สำหรับผู้เลี้ยงน้องหมา นอกจากความรักที่ผู้เลี้ยงพี่ให้พวกเขาแล้ว น้องหมาก็ยังต้องการการใส่ใจในการดูแลเรื่องของสุขภาพด้วย เพราะพวกเขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มีแต่เจ้าของเท่านั้นที่จะต้องทำหน้าที่คอยหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ รวมไปถึงดูแลพวกเขาอย่างถูกวิธี การดูแลน้องหมาอย่างถูกต้องตั้งแต่เขายังเด็กๆ จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่จะทำให้น้องหมาห่างไกลจากอาการผิดปกติและโรคร้ายต่างๆ ได้ค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก http://www.dogilike.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น