วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2013


เคล็ด(ไม่)ลับในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2013

       เกร็ดความรู้ขั้นพื้นฐานสำหรับคนรักน้องหมา ที่สามารถดูแลน้องหมาได้ด้วยตัวเอง และทำให้น้องหมาของคุณสุขภาพดีไปตลอดทังปี

ดูแลดวงตาของน้องหมาสุดรัก

     "ดวงตา" เป็นหน้าต่างของหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับน้องหมาที่ไม่สามารถสื่อสารกับเราผ่านการพูดคุยได้ ดังนั้นการสื่อสารผ่านภาษากายจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เจ้าของสามารถเข้าใจความรู้สึกของน้องหมาได้เป็นอย่างดี น้องหมาบางตัวสื่อสารกับผู้เลี้ยงผ่านทางสายตาส่งผ่านความรู้สึก และบ่งบอกถึงความต้องการต่างๆ ...

     ดวงตาถือว่าเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของน้องหมา โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์หน้าสั้นที่มีดวงตาโต โปน ใหญ่ กว่าน้องหมาพันธุ์ทั่วไป เช่น น้องหมาชิวาวา , น้องหมาชิสุ , น้องหมาปั๊ก ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้วจะพบว่ามีปัญหาในเรื่องดวงตาค่อนข้างบ่อยเช่น ภาวะลูกตาทะลัก , รอขูดขีดต่างๆ บริเวณกระจกตา ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องอาศัยการดูและเป็นพิเศษ นอกจากนี้ในน้องหมาบางสายพันธุ์ เช่น น้องหมาพุดเดิ้ล , น้องหมาโกลเด้นท์ ฯลฯ ยังพบว่ามักมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณหนังตา มีอาการหนังตาพับทำให้ขนตาทิ่มแทงเข้าไปข้างในดวงตาทำให้ดวงตาอักเสบได้

     ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้เอง ทำให้การดูแลดวงตาให้น้องหมาเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทุกคนควรให้ความสำคัญ น้องหมาที่มีสุขภาพดี ไม่ควรจะมีขี้ตาเกรอะกรัง หรือมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา วิธีการดูแลดวงตาน้องหมาแบบง่ายๆ ที่ผู้เลี้ยงควรจะทำทุกครั้งหลังอาบน้ำให้น้องหมาก็คือ ให้ใช้สำลีปั้นก้อนชุบน้ำหมาดๆ เช็ดรอบๆ ขอบตาเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำตารอบดวงตา โดยมุมขอบตาให้ลากลงมาตามแนวจมูกไม่ให้ขี้ตาเข้าไปในดวงตาขณะทำความสะอาด โคนตาให้ลากออกไปที่หางตา ระวังไม่ให้เศษขนหลุดเข้าไปในดวงตาที่จะทำให้เคืองตาหรืออักเสบได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องคอยสังเกตอย่างสม่ำเสมอว่าบริเวณดวงตาของน้องหมามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีขี้ตาเยอะขึ้น หรือ ร่องน้ำตามีสีน้ำตาลเข้ม หรือไม่ ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีค่ะ

ดูแลช่องหูน้องหมาเพื่อสุขภาพที่ดี

"ช่องหู" ก็เป็นอีกส่วนของร่างกายน้องหมาที่ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญในการดูแลเป็นพิเศษ ... สำหรับน้องหมาที่มีขนปานกลาง - ขนยาว นอกจากการอาบน้ำและตัดขนให้สุนัขแล้ว "การถอนขนในช่องหู" ถือว่ามีความสำคัญมากในการทำความสะอาด เนื่องจากบริเวณหูของน้องหมาจะมีขนขึ้น และถ้าหากไม่ถอนและทำความสะอาดโดยการเช็ดแล้ว ขนบริเวณหูจะเป็นแหล่งสะสมเห็บหมัดและเชื้อโรคเป็นอย่างดีเลยทีเดียว และที่สำคัญหากปล่อยไว้เรื่อยๆ โดยไม่ดูแลน้องหมาก็อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคช่องหูอักเสบได้อีกด้วย

     ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคช่องหูอักเสบ หลังอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาทุกครั้ง ผู้เลี้ยงควรหมั่นทำความสะอาดหูให้น้องหมา ซึ่งมีวิธีการทำความสะอาดง่ายๆ คือ โดย ...

     1. หลังจากอาบน้ำให้เช็ดหูน้องหมาให้หมาด แล้วเปิดใบหูขึ้นและให้แหนบดึงของภายในช่องหูออกให้มากที่สุดเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ... จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนของการเช็ดหูน้องหมา หูของเขาจะมีลักษณะเป็นรูปตัว "L"มากกว่าหูของคน ดังนั้นขี้หูหรือเศษเนื้อเยื่อต่างๆ จึงมักจะไปสะสมอยู่ที่บริเวณมุมของตัว "L" ค่ะ ถ้าหากพบว่ามีเศษขี้หูติดอยู่มาก ให้ทำความสะอาดโดยการใส่น้ำยาสำหรับทำความสะอาดหูน้องหมา (แนะนำให้ปรึกษาสัตว์แพทย์นะคะ อย่าซื้อเอง) หยดลงไปในช่องหู ซึ่งน้ำยาล้างหูที่ดีควรมีกรดอ่อนๆ
    2. เมื่อหยดน้ำยาแล้วใช้นำก้านไม้พันด้วยสำลี หรือคัตตัลบัต ในการทำความสะอาดช่องหูทั้งด้านในและด้านนอก (นำก้านไม้พันสำลีหรือคัตตัลบัตไปชุบน้ำยาทำความสะอาดช่องหูให้ชุ่มก่อนนะคะ) โดยในการเช็ดห้ามใช้วิธีการแทง ทิ่ม หรือกระแทก เด็ดขาด (ก่อนการเช็ดควรนวดบริเวณโคนหูให้น้องหมาก่อนซัก 30 วินาที เพื่อให้เศษเนื้อเยื่อภายในหูอ่อนนุ่มและหลุดออกมา จะได้ง่ายต่อการทำความสะอาดยังไงล่ะคะ)
   3. เช็ดให้ทั่วจนพบว่าไม่มีเศษขี้หูหลงเหลืออยู่ในช่องหูแล้ว

     แต่ในการทำความสะอาดหูให้น้องหมาก็มีสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวัง ก็คือ เวลาเช็ดไม่ควรแหย่ก้านสำลี หรือคัตตัลบัตลึกเข้าไปในหูมากนักเพราะจะยิ่งทำให้เศษขี้หูไปอัดแน่นอยู่ในรูหู ให้ใช้วิธีการเขี่ยออกมาดีกว่า ... และหลังจากทำความสะอาดหูแล้ว ให้เพื่อนปล่อยน้องหมาสั่นหรือสะบัดหัวและปล่อยให้หูแห้งได้ตามปกติค่ะ



ดูแลช่องปากของน้องหมาอย่างถูกวิธี

     "ช่องปาก" ของน้องหมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่สามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพของน้องหมา ... ถ้าหากน้องหมาของเพื่อนๆ มีกลิ่นปากเหม็นหรือมีเลือดออกที่เหงือกบ่อยๆ ล่ะก็ ทราบไว้เลยนะคะว่า นั่นคืออาการเริ่มต้นของโรคปริทันต์ค่ะ

     หลายคนอาจจะสงสัยว่าโรคปริทันต์ คืออะไร ... โรคปริทันต์เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวฟัน , เนื้อเยื่อของเหงือก , เอ็นที่ยึดเหงือกและฟัน , โพรงรากฟัน และเนื้อเยื้อคล้ายกระดูกที่คลุมรากฟันเพื่อช่วยยึดเกาะรากฟัน เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในน้องหมา  สาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่สร้างพลากค์เคลือบฟัน โรคปริทันต์เป็นสาเหตุในการสูญเสียฟัน ส่วนใหญ่แล้วจะพบในน้องหมาทุกวัยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปและพบมากถึง 80 – 90%  ของสุนัข ทั้งนี้ มีโรคหลายๆ โรคที่ทำให้มีอาการคล้ายโรคปริทนต์

     อาการของโรคปริทันต์ในสุนัข คือ ปากเหม็น , มีเลือดออกที่เหงือก , ฟันร่วง , มีแผลในปาก , ฟันโยก , เหงือกร่น , เบื่ออาหาร

     สาเหตุของโรคปริทันต์เริ่มจากการมีเศษอาหารตามซอกฟัน ทำให้มีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและแคลเซียมที่บริเวณฟันจนเกิดเป็นหินน้ำลาย และจากหินน้ำลายหากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีแล้วนั้นนานวันเข้าหินน้ำลายจะเกิดการก่อตัวเป็นหินปูน เกาะตามฟันซี่ต่างๆ เมื่อเชื้อแบคทีเรียมากขึ้นจะส่งผลให้เนื้อเยื่อปริทันต์อักเสบ เกิดการทำลายเยื่อบุผิวฟันและเนื้อเยื่อรอบฟัน มีการอักเสบของเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก รวมทั้งทำให้เกิดการสลายของกระดูกเบ้าฟันที่ยึดฟันอยู่ ในน้องหมาที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์รุนแรงทำให้กรามหัก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้ติดเชื้อในระบบอื่นของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ และไต มีอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงสารที่เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้สร้างออกมาด้วย ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าปัญหากลิ่นปากเพียงเล็กน้อยที่ผู้เลี้ยงละเลยอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่กระทบต่อสุขภาพโดยรวมของน้องหมาก็เป็นได้ ...
     ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคปริทันต์ในน้องหมา ผู้เลี้ยงจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในช่องปากของน้องหมาด้วย โดยการทำความสะอาดฟันโดยแปรงฟันให้น้องหมาทุกวันด้วยโดยแปรงและยาสีฟันที่ใช้จะต้องเป็นผลิตภัณณ์เฉพาะใช้กับน้องหมา นอกจากนี้ในการดูแลสุขภาพฟันของน้องหมาอาหารที่ใช้ในการดูแลช่องปากบางชนิดช่วยได้เหมือนกัน เช่น อาหารเม็ดที่มีคุณสมบัติช่วยขัดหินปูนที่เกาะตามฟันสุนัข หรืออาจะเป็นยาสีฟันจะช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ควรพาสุนัขไปให้สัตวแพทย์ตรวจสุขภาพฟันทุก  3 – 6  เดือนด้วยค่ะ

     สำหรับผู้เลี้ยงน้องหมา นอกจากความรักที่ผู้เลี้ยงพี่ให้พวกเขาแล้ว น้องหมาก็ยังต้องการการใส่ใจในการดูแลเรื่องของสุขภาพด้วย เพราะพวกเขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มีแต่เจ้าของเท่านั้นที่จะต้องทำหน้าที่คอยหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ รวมไปถึงดูแลพวกเขาอย่างถูกวิธี การดูแลน้องหมาอย่างถูกต้องตั้งแต่เขายังเด็กๆ จะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่จะทำให้น้องหมาห่างไกลจากอาการผิดปกติและโรคร้ายต่างๆ ได้ค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก http://www.dogilike.com

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

จัดปาร์ตี้ให้เจ้าของสนุกและปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง


     จัดปาร์ตี้ให้เจ้าของสนุกและปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง
เอาใจคนรักสัตว์เลี้ยง สำหรับงานปาร์ตี้ที่เจ้าของงานที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ในบ้าน ด้วยวิธีการจัดงานที่เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยไม่ต้องกังวลว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะทำลายงานปาร์ตี้ 


 1. หลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้และพืชต่าง ๆ 

            ส่วนมากแล้วผู้คนมักจะนิยมนำพืชพรรณต่าง ๆ มาประดับตกแต่งภายในงาน เพื่อสร้างบรรยากาศให้สดชื่น และเป็นสีสันให้กับงาน โดยเฉพาะเหล่าดอกไม้นานาพรรณที่นำมาใช้ อย่างเช่น ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ เป็นต้น ทั้งนี้กลิ่นและเกสรของดอกไม้อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควร หลีกเลี่ยงพืชพรรณเหล่านี้ เปลี่ยนไปใช้ผลไม้สด หรือขนมหวานสีสวย ๆ แทน
 

 2. หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่มีควัน 

            อย่างเช่น ธูปหอม เทียนหอม หรือพลุต่าง ๆ โดยเฉพาะบ้านที่มีนกเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะควันเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อระบบการหายใจของนกมากทีเดียว นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณจุดเทียนหรือใช้อุปกรณ์ที่มีประกายไฟ หรือเกิดเปลวไฟ อาจโดนสัตว์เลี้ยงตะปบ หรือหางแกว่งตกลงมาทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นหากคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ควรวางไว้ในที่สูง หรือสวมกรอบครอบไฟไว้ด้วย
 

 3. ติดของตกแต่งให้แน่น 

            ของตกแต่งต่าง ๆ ที่คุณนำมาประดับไม่ว่าจะเป็น ต้นคริสต์มาส ลูกบอลพลาสติก หรือตุ๊กตาต่าง ๆ ควรติดไว้ที่สูง และติดให้แน่นสนิท เพราะไม่อย่างนั้นของตกแต่งของอาจเข้าไปอยู่ในปากของสัตว์เลี้ยงแทน โดยเฉพาะสิ่งของที่มีความแวววาว หรือมีเกร็ดระยิบระยับ จะดึงดูดความสนใจของสัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษเลย ดังนั้นหากเป็นไปได้ภายในงานควรเตรียมขนมเอาไว้ดึงดูดความสนใจของพวกมันด้วย
 

 
 4. เก็บอุปกรณ์อันตรายให้มิดชิด  

            สำหรับอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ อุปกรณ์ที่มีสายไฟ หรือน้ำยาต่าง ๆ อย่างเช่น สี สเปรย์ ที่คุณนำมาใช้ควรเก็บให้มิดชิด หรือวางไว้ในที่สูง เพราะหากสัตว์เลี้ยงของคุณกัด กิน หรือกลืนอุปกรณ์เหล่านี้เข้าไป สารเคมีต่าง ๆ และกรดที่ใช้เป็นส่วนประกอบจะทำลายเนื้อเยื่อในช่องปาก และสร้างความเสียหายให้กับระบบทางเดินอาหาร
 

 5. เตรียมพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง 

            สัตว์เลี้ยงของคุณอาจจะไม่คุ้นเคยกับแขกที่คุณเชิญมา ดังนั้นสัตว์เลี้ยงอาจทำให้เกิดอาการตื่นตระหนก ตกใจ และหวาดกลัวคนแปลกหน้า ดังนั้นหากสัตว์เลี้ยงไม่คุ้นชินกับคนสักเท่าไหร่ ควรจัดเตรียมพื้นที่หรือห้องเงียบ ๆ สงบ ๆ ไว้สำหรับพวกมันด้วย ที่สำคัญระหว่างงานอย่าลืมวางอาหาร น้ำ และเข้ามาดูแลพวกมันเป็นระยะด้วยนะคะ
 
 6. ไม่ควรป้อนอาหารคนให้กับสัตว์เลี้ยง 

            เพราะในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยอาหารและขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ มากมาย และบางคนอาจะเตรียมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไว้ต้อนรับแขกด้วย ซึ่งคุณไม่ควรใจอ่อนนำอาหารเหล่านั้นไปป้อนสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของหัวหอม ช็อกโกแลต ถั่ว แป้ง อาหารทอด หรืออาหารที่มีไขมันสูง รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงอย่างมาก อาจถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ทางที่ดีป้อนขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงดีที่สุดแล้ว
 

            นอกจากจะช่วยให้ปาร์ตี้ของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังช่วยจัดการกับสัตว์เลี้ยงแสนซนได้ด้วย อีกทั้งเป็นการรักษาสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยงไปในตัว มีคำแนะนำดี ๆ แบบนี้แล้วอย่าลืมนำไปใช้กันด้วย และขอให้งานเลี้ยงของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น และสนุกสนานไปพร้อม ๆ กันทั้งงานเลยนะคะ

ขอบคุณที่มาจาก http://pet.kapook.com/

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

สวัสดีวันปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๖


   สวัสดีวันปีใหม่พา               ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม         ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า             ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปราณี        ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ทุกวัน   ทุกคืน ชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่               ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ                   ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์       สวัสดีวันปีใหม่เทอญ

            สวัสดีปีใหม่ค่ะ ปี ๒๕๕๖ หลายคนคงได้ยินตามสถานที่ต่างๆ แดเพลงเกี่ยวกับปีใหม่ วันนี้เลยจะมาเล่าถึงประวัติของเพลงปีใหม่ให้ได้ทราบกัน เพลงที่จะพูดถึงวันนี้คือเพลงพรปีใหม่หลายคนคงอยากทราบกันแล้วว่าเพลงนี้มีที่มาอย่างไร
                
                เพลงพรปีใหม่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๓ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เมื่อเสด็จนิวัตพระนครและประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่ แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง "พรปีใหม่" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี ๒ วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕
ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88



ในวันที่ 1 มกราคมของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ในช่วงนี้จะมีการจัดงานรื่นเริงเรามักจะได้ยินเสียงเพลงปีใหม่อยู่ทั่วไป ซึ่งประวัติของเพลงปีใหม่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนโดยเพลงปีใหม่เกิดขึ้นครั้งแรก ประมาณปี พ.ศ. 2477 - 2479 คือ เพลงเถลิงศก ของขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เป็นเพลงที่มีเนื้อร้อง ทำนอง รวมทั้งขับร้องและบรรเลงตามอย่างสากล ถูกแต่งขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัยนั้นได้มีการให้จัดงานรื่นเริงปีใหม่ ในวันที่ 1 เมษายน มีตัวอย่างเนื้อร้อง ดังนี้ .......ยิ้มเถิด ยิ้มเถิดนะยิ้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส สุขสราญบานใจ ขอให้สวัสดี

พอมาถึงในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้สั่งการดำเนินการหลายอย่าง  เพื่อสร้างชาติ และสร้างวัฒนธรรมเมืองแบบใหม่ เช่น เปลี่ยนชื่อ ประเทศสยาม มาเป็นประเทศไทย การเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นต้น เพื่อสร้างวัฒนธรรม และแนวทางปฏิบัติของประชาชนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งในภารกิจทั้งหลายที่รัฐบาลสมัยนั้นทำ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม เพื่อจะได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ และสิ่งที่สำคัญที่ใช้ในการเผยแพร่นโยบายของรัฐบาล คือ เสียงเพลง

                เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม เพลงเถลิงศก ก็ไม่ได้รับความนิยม เพราะมีเนื้อร้องไม่ทันสมัย ไม่เข้ากับเหตุการณ์  ดังเนื้อเพลงที่ว่า ......วันที่หนึ่งเมษายน ตั้งต้นปีใหม่ และแสงตะวันพร่างพรายใสสว่างแจ่มจ้า...... หน่วยงานของรัฐมีอยู่สองหน่วยงาน คือ กรมศิลปากร และกรมโฆษณาการ จึงช่วยกันผลิตงานเพลงสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรมโฆษณาการ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมประชาสัมพันธ์ที่โด่งดังควบคู่กับชื่อวงสุนทราภรณ์

                วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ หรือวงสุนทราภรณ์ เป็นเจ้าตำรับเพลงปีใหม่ของไทย เพลงที่แต่งขึ้นในแต่ละปีได้ถูกนำมารวมเป็นแผ่นเสียงลองเพลย์ได้ครบหนึ่งแผ่น (ประมาณ 12 เพลง) และทุกเพลงได้รับความนิยมจากประชาชนมาก โดยเฉพาะเพลงสวัสดีปีใหม่ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยจนถึงทุกวันนี้
แหล่งที่มาของข้อมูล คอลัมน์วาไรตี้  ของ นสพ. เดลินิวส์ ฉบับวันจันทร์ที่  30  ธันวาคม  พ.ศ. 2545 หน้า  5 
             ที่มา:http://www.gotoknow.org/posts/232272